ประวัติ คริสเตียน อีริคเซ่น กองกลางตัวรุก แข้งพรสวรรค์ แห่งปีศาจแดง

ประวัติ คริสเตียน อีริคเซ่น กองกลางตัวรุก แข้งพรสวรรค์ แห่งปีศาจแดง

ประวัติ คริสเตียน อีริคเซ่น กองกลางตัวรุก แข้งพรสวรรค์ แห่งปีศาจแดง การเป็นนักกีฬาสิ่งที่มีความสำคัญมากที่สุดก็คือสภาพร่างกายนั่นเอง นอกจากจะต้องมีร่างกายที่แข็งแกร่งแล้วยังจะต้องดูแลไปถึงภายในไม่ให้ป่วยเป็นโรคภัยไข้เจ็บอะไรอีกด้วย พร้อมเมื่อไหร่ก็ตามที่ป่วยเป็นโรคที่ทำให้ไม่สามารถลงสนามได้อย่างเต็มประสิทธิภาพอีกต่อไปนั่นก็ไม่ได้แตกต่างอะไรจากการที่จะต้องยุติบทบาทอาชีพของตนเอง แต่บางครั้งโรคภัยไข้เจ็บก็สามารถเกิดขึ้นได้ถึงแม้ว่าเราจะดูแลตัวเองดีมากแค่ไหนก็ตามอย่างในกรณีของ คริสเตียน อีริคเซ่น นักฟุตบอลคนดังที่เราจะมาพูดถึงกันในวันนี้นั่นเอง

ประวัติ คริสเตียน อีริคเซ่น
ประวัติ คริสเตียน อีริคเซ่น

ชื่อเต็ม : คริสเตียน แตเนอแมน อีเรกเซ่น (Christian Tanerman Ereksen)

วันเกิด : 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1992

สถานที่ : มีเดิลฟาร์ต เดนมาร์ก

สัญชาติ : เดนมาร์ก

ส่วนสูง : 1.82 เมตร

สโมสรปัจจุบัน : แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด

ตำแหน่งที่เล่น : กองกลางตัวรุก

สวมเสื้อเบอร์ : 14

ลงเล่น : 20

ยิงประตู : 2

ประวัติ คริสเตียน อีริคเซ่น

เส้นทางอาชีพฟุตบอลของ อีริคเซ่น

เขาผู้นี้เคยผ่านเหตุการณ์เฉียดตายคาสนามฟุตบอลที่เขารักมาแล้วแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้หยุดความพยายามในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของตนเองแต่อย่างใด เขาเกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ปี 1992 ในประเทศเดนมาร์ ปัจจุบันมีอายุ 31 ปีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว มาพร้อมกับส่วนสูง 182 เซนติเมตร ตำแหน่งที่ถนัดก็คือกองกลาง เขาเริ่มต้นอาชีพการเป็นนักฟุตบอลตั้งแต่เด็กด้วยการเล่นให้กับอคาเดมี่ของสโมสรย่านท้องถิ่นอย่างมิดเดลฟาร์ท จีแอนด์บีเค เป็นการตามรอยพ่อของเขาอย่างโทมัสที่เป็นโค้ชของสโมสรดังกล่าวในช่วงเวลาเดียวกันด้วย เขาสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและช่วยให้ทีมไม่เผชิญกับความพ่ายแพ้เลยในการแข่งขันระดับเยาวชน

ผลงานของเขาจึงไปเตะตาแมวมองจากสโมสรอาชีพในเดนมาร์กอย่างมิดเดลฟาร์ท จีแอนด์บีเคจนเขาได้ย้ายเข้าไปอยู่ในทีมเยาวชนกับสโมสรที่ใหญ่กว่าเดิมเมื่อปี 2005 หลังจากย้ายเข้ามาสู่ทีมดังกล่าวเขาก็แสดงความสามารถที่แท้จริงออกมาแบบเต็มขีดจำกัดไม่ว่าจะเป็นการเลี้ยงบอล เทคนิคการเล่น หรือแม้แต่การยิงฟรีคิกก็ตาม ทำให้สโมสรใหญ่หลายสโมสรทั่วทั้งยุโรปเริ่มสนใจเขามากขึ้นกว่าเดิมไม่ว่าจะเป็นสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอซี มิลาน เรอัล มาดริดและอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม

คริสเตียน อีริคเซ่น

ซึ่งเขาตัดสินใจเลือกไปอยู่กับสโมสรอาแจ็กซ์เนื่องจากมองว่าก้าวแรกของตนเองไม่ควรจะใหญ่จนเกินไป การเล่นในฮอลแลนด์น่าจะส่งผลดีต่อพัฒนาการของเขา ทำให้เขาได้ย้ายไปอยู่กับทีมดังกล่าวในปี 2008 ด้วยสัญญา 2 ปีครึ่งและค่าตัว 1 ล้านยูโร ในช่วงแรกเขายังอยู่กับอคาเดมี่จนพัฒนาฝีมือและเข้าสู่ทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จในอีก 2 ปีให้หลัง ฤดูกาล 2009 เขาก็ได้รับโอกาสในการลงแข่งขันกับทีมชุดใหญ่ในที่สุด และใช้เวลาหลังจากนัดแรกไปเพียงแค่ 3 เดือนเขาก็สามารถทำประตูแรกให้กับทีมได้อย่างงดงาม

อีริคเซ่น

คริสเตียน อีริคเซ่น ก้าวสู่มืออาชีพเต็มตัว

เข้าสู่ฤดูกาล 2010 คริสเตียน อีริคเซ่นก็สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงได้สำเร็จและกลายมาเป็นกำลังหลักของทีมที่ช่วยให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จนเข้าสู่ฤดูกาล 2013 เจ้าตัวรู้สึกว่าพร้อมสำหรับการพัฒนาอาชีพขึ้นไปอีกระดับจึงตัดสินใจไปอยู่กับสโมสรในพรีเมียร์ลีกอย่างท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์แทน ในนัดประเดิมสนามเขาก็สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการส่งลูกให้เพื่อนสามารถทำประตูคว้าชัยชนะให้ทีมได้สำเร็จ

ต่อมาฤดูการ 2014 ทีมได้มีการเปลี่ยนตัวกุนซือแต่เขาก็ยังคงสามารถรักษาตำแหน่งตัวจริงเอาไว้ได้ แต่น่าเสียดายที่ในช่วงหลังผลงานของเขายังคงที่แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นจนสุดท้ายเขาก็ตัดสินใจย้ายไปอยู่กับทีมอินเตอร์ มิลานในปี 2020 แทนในช่วงตลาดฤดูหนาว และการย้ายออกมาในครั้งนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากโชคชะตาเล่นตลกเพราะเขามีอาการหัวใจล้มเหลวเฉียบพลันในการเล่นให้กับทีมชาติรายการแข่งขันยูโร 2020 ลีกอิตาลีที่มีความเข้มงวดเกี่ยวกับการไม่ให้นักเตะที่มีปัญหาสุขภาพร้ายแรงลงแข่งขัน อินเตอร์จึงต้องตัดสินใจยกเลิกสัญญาของเขาไปอย่างน่าเสียดาย

แพทย์ลงความเห็นว่าเขาน่าจะไม่สามารถกลับมาลงแข่งขันฟุตบอลได้เหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รักษาตัวอย่างเต็มที่จนสุดท้ายในช่วงเดือนมกราคมปี 2021 เบรนท์ฟอร์ดก็ตัดสินใจยื่นโอกาสให้กับเขาด้วยการเซ็นสัญญาระยะสั้น 6 เดือน และเขาก็ตอบแทนทีมอย่างเต็มที่ด้วยการทำให้ภาพรวมผลงานของทีมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจบฤดูกาลเบรนท์ฟอร์ดต้องการจะต่อสัญญากับเขาแต่ดูเหมือนเขาจะต้องการเล่นกับทีมใหญ่มากขึ้นกว่าเดิมจนสุดท้ายก็มาลงเอยกับสโมสรแมนยูและกลายเป็นนักเตะคนสำคัญของทีมนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ติดตามข้อมูลข่าวสารฟุตบอลเพิ่มเติมได้ที่ : ดูบอลสด